น่าจะเป็นปัญหาหนักใจสำหรับคนกำลังจะตัดสินใจซื้อบ้าน สำหรับปัญหาบ้านทรุดตัว ซึ่งปัญหาบ้านทรุดนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินทรุดตัว บ้านก็เลยทรุดตาม หรือใช้เสาเข็มไม่เหมาะสม ปัญหาจากการต่อเติมฟังก์ชันต่างๆ ของบ้าน ทั้งข้างบ้าน หลังบ้าน หรือหน้าบ้าน ซึ่งทำให้ตัวโครงสร้างบ้านรับน้ำหนักมากขึ้น จึงเกิดปัญหาบ้านทรุดตัวตามมา วิธีเลี่ยงที่จะเจอปัญหาบ้านทรุด มีวิธีดังนี้
คนซื้อบ้านหลายคนอาจจะไม่ได้สนใจว่าแปลงที่ดินที่กำลังพัฒนาโครงการบ้านที่เราจะไปใช้ชีวิตอยู่ยาวนานเป็นสิบๆ นี้เคยเป็นอะไรมาก่อน แต่เราต้องรู้ความเป็นมาของที่ดินเป็นยังไง! ควรถามไถ่จากเซลล์ ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นอะไรมาก่อน คำตอบที่ได้ก็คงหลากหลาย เช่น เป็นที่รกร้างว่างเปล่า/เป็นบ้าน/เป็นโรงงาน/เป็นบ่อตกปลา/เป็นที่นา หรืออื่นๆ แล้วแต่ความเป็นจริง และการที่เรารู้ความเป็นมาของที่ดินแปลงนั้นๆ ก็จะพอทำให้เราคาดคะเนได้ว่าบ้านจะมีโอกาสทรุดหรือเปล่า ถ้าเคยเป็นที่นา ที่ลุ่ม บ่อตกปลา...แบบนี้ให้เดาไว้ก่อนเลยว่าที่ดินมีโอกาสทรุดตัว หรือบ้านที่เราซื้อไปก็มีโอกาสทรุดตามไปด้วย ดีเวลลอปเปอร์บางราย หาซื้อที่ดินเก่งด้วยการมองหาที่ดินที่มีตำหนิ เช่น บ่อน้ำเก่า, บ่อตกปลาเก่า, ซึ่งจะได้ราคาถูก แน่นอนว่ากำไรก็คงเยอะ และนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขาย ฉะนั้นคนซื้อคนซื้อบ้านอย่างเราก็ต้องรู้ทันเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดในอนาคต
อีกหนึ่งคำถามที่ต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านคือ ถมที่ตรงนี้นานรึยัง? อย่างที่บอกไปที่บางแปลงเป็นที่ลุ่มน้ำ บ่อน้ำเก่า เจ้าของโครงการก็ไปซื้อที่มาราคาไม่แพง รีบๆ อยากสร้างบ้านขาย ก็เลยใช้เวลาถมที่ไม่นาน และสร้างโครงการ ถ้าเป็นแบบนี้ ปัญหาที่จะตามมา คือ บ้านทรุด บ้านร้าวแน่นอน
ฉะนั้นคนจะซื้อบ้านอย่างเราต้องไปสืบก่อนจะตัดสินใจซื้อค่ะ บางทีถามเซลล์หรือถามที่โครงการไม่ได้คำตอบจริงๆ หรอก แนะนำให้ถามคนในพื้นที่ เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนในชุมชน หรือวินมอเตอร์ไซต์ จะรู้ดี ว่าที่ดินแปลงนั้นๆ มีความเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
ระยะเวลาเหมาะสมของการถมที่ดินเพื่อก่อสร้างบ้านหรือโครงการจัดสรรประมาณ 5 ปีขึ้นไป เพื่อให้ดินอัดแน่นลดการทรุดตัว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพดินในแต่ละพื้นที่
อาจจะดูเป็นคำถามเบสิค แต่เชื่อว่าหลายๆ คนโดยเฉพาะมือใหม่ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อบ้านครั้งแรก อาจจะลืมถามคำถามนี้ไป ซึ่งปกติแล้วบ้านทุกหลังจะลงเสาเข็มตัวบ้านให้ แต่ไม่ทุกหลังที่จะลงเสาเข็มที่จอดรถ หรือหลังบ้านให้ด้วย เพราะฉะนั้นแล้วคนซื้อบ้านต้องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ
โดยส่วนใหญ่แล้วคนซื้อบ้านเกือบ 100% มักจะมีการต่อเติมบ้าน ไม่มากก็น้อย ซึ่งการต่อเติมนี้แหละที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้บ้านทรุด เพราะรับน้ำหนักมากเกินมาตรฐาน บ้านที่ลงเสาเข็มทั่วทั้งหลัง ทั้งตัวบ้าน หลังบ้าน หน้าบ้าน จะมีโอกาสทรุดน้อยกว่าบ้านที่ไม่ได้ลงเสาเข็มหน้าบ้าน และหลังบ้าน
บางคนต่อเติมโรงจอดรถ หรือครัวหลังบ้านก็เเสี่ยงกับการที่จะทำให้บ้านทรุดได้ รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมตรวจสอบข้อมูลกันดีๆ ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงกับการเจอปัญหาบ้านทรุด
ขอบคุณที่มา: https://www.home.co.th/hometips/topic-53160
